ศัลยกรรมเสริมจมูก

ศัลยกรรมจมูก เป็นศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน การศัลยกรรมจมูก ถือเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนนิยมทำ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย การเสริมจมูก สามารถช่วยแก้ไขปัญหาโครงสร้างใบหน้า ช่วยเพิ่มความสวยงาม และช่วยปรับโหงวเฮ้งของใบหน้าได้ การเสริมจมูก สามารถทำร่วมกับการตัดปีกจมูกได้ และยิ่งในปัจจุบันเทคนิคการศัลยกรรมมีวิธีที่ทันสมัย ที่หลากหลาย สามารถช่วยแก้ปัญหาจมูกได้ตรงโจทย์มากขึ้น

เสริมจมูก คืออะไร ?

เสริมจมูก (Rhinoplasty) คือ การศัลยกรรมผ่าตัดตกแต่งจมูก ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้าง จมูกผิดรูปหรือเสียหายจากอุบัติเหตุ เพื่อการรักษาโรคเกี่ยวกับการหายใจ และโรคที่เกิดมาจากความบกพร่องทางร่างกายตั้งแต่กำเนิด หรือเพื่อความสวยงาม การศัลยกรรมเสริมจมูกจะช่วยแก้ไขปัญหาจมูกที่ไม่ได้สัดส่วน หรือตกแต่งจมูกที่แบนหรือสั้น ให้โด่งและมีความยาวที่มากขึ้น โดยใช้วัสดุเสริมจมูกต่าง ๆ เช่น กระดูกอ่อน วัสดุสังเคราะห์ซิลิโคน เป็นต้น

วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก

การเสริมจมูก จะแบ่งวัสดุที่ใช้เสริมออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ซิลิโคน และกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อ ที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดก็เหมาะกับการแก้ปัญหาจมูกที่ต่างกันออกไป ดังนี้

ซิลิโคนเสริมจมูก

เสริมจมูก โดยใช้ ซิลิโคน ถือเป็นการเสริมจมูกที่มีความนิยมอย่างมาก เนื่องจากการเสริมจมูก โดยซิลิโคนจะใช้เวลาน้อย ทั้งยังมีหลากหลายทรงให้ได้เลือก  ซึ่งซิลิโคนที่นำมาสริมจมูกนั้นต้องเป็นซิลิโคนที่ผลิตมาใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น เพราะมีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงกับร่างกายน้อย และร่างกายจะสามารถรับซิลิโคนเข้ามาเชื่อมกับเนื้อเยื่อได้ง่าย ในส่วนของอายุของซิลิโคนนั้นสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต เว้นแต่ว่าเราจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนใหม่ หรือแก้ทรง

ส่วนของประเภทของซิลิโคนเสริมจมูก ก็สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ

ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป เป็นซิลิโคนที่ได้การขึ้นรูปไว้เรียบร้อย ทำให้มีโอกาสเบี้ยวหรือเอียงน้อย ซิลิโคนชนิดนี้จะมีหลากหลายทรง โดยจะเรียกชื่อตามลักษณะทรงจมูก เช่น ซิลิโคนแมนทิส, ซิลิโคนบาร์บี้, ซิลิโคนซินเดอเรลล่า, ซิลิโคนแบบ L-shape การใช้ซิลิโคนสำเร็จรูปเสริมจมูกอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะมีรูปทรงที่ไม่สามารถปรับแก้ได้ สำหรับคนที่มีปัญหาจมูกที่ซับซ้อน

ซิลิโคนแบบแท่ง หรือซิลิโคนแบบเหลาเอง ซิลิโคนชนิดนี้จะมาในรูปแบบแท่งสี่เหลี่ยม หรือบล็อก เพื่อให้แพทย์เป็นคนเหลาซิลิโคนเอง ซึ่งการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนแบบแท่งจะช่วยทำให้แพทย์สามารถออกแบบจมูกให้เข้ากับรูปหน้า และแก้ไขปัญหาจมูกของเราแบบเฉพาะเคสได้ดีกว่าแบบสำเร็จรูป การใช้ซิลิโคนชนิดนี้แพทย์ที่ดำเนินการต้องมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ โดยตัวซิลิโคนมีลักษณะเรียบลื่น ไม่เป็นขุย ทำให้เหลาได้ง่าย นอกจากนี้ซิลิโคนแบบแท่งยังแบ่งออกได้ตามความแข็ง อ่อน ของซิลิโคน ได้แก่ แข็ง, แข็งปานกลาง, นุ่ม และนุ่มมาก ที่สามารถเลือกใช้ได้ตามลักษณะของจมูก

5 ข้อที่ควรรู้ ก่อนเสริมจมูก กันไว้ก่อนพลาด!

เสริมจมูกโดยกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อ

เรียกได้ว่ากำลังมาแรงมาก ๆ กับการศัลยกรรมเสริมจมูกด้วย กระดูกอ่อน หรือเนื้อเยื่อ ในร่างกาย เพราะมีความธรรมชาติกว่าซิลิโคน ทั้งยังสามารออกแบบให้เข้ากับรูปหน้าได้ และไม่ต้องกังวลในเรื่องสารแปลกปลอมที่จะเข้าร่างกาย การศัลยกรรมโดยใช้กระดูกอ่อนจะมีราคาที่สูงกว่าแบบซิลิโคน ทั้งยังต้องใช้แพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์สูง

โดยส่วนมากแล้วการเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อ จะนิยมใช้

  • กระดูกอ่อนหลังใบหู โดยจะนำเอากระดูกอ่อนที่มีลักษณะโค้งบริเวณใบหู มาใช้ตกแต่งปลายจมูก ซึ่งกระดูกอ่อนที่เบ้าใบหู หากนำมาออกมาจะไม่ทำให้ใบหูเปลี่ยนรูป การใช้กระดูกหลังใบหูจะทำให้เกิดแผลผ่าตัดเพิ่ม และต้องงดสระผม 1-2 สัปดาห์ และดูแลแผลให้ดี
  • กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก (Septum) เป็นเทคนิคที่ใช้ร่วมกับการผ่าตัดแบบเปิด โดยจะทำการผ่ายืดผนังกั้นจมูก และนำกระดูกอ่อน Septum ที่อยู่บริเวณกึ่งกลางรูจมูกออกมาในบางส่วน เพื่อเป็นการปรับรูปทรงของจมูก และช่วยเสริมให้จมูกดูยาวขึ้น ทำให้ปลายจมูกดูพุ่งสวย เป็นธรรมชาติ และไม่ต้องผ่าตัดส่วนอื่นเพิ่ม
  • กระดูกอ่อนซี่โครง อีกหนึ่งวิธีที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ โดยวิธีนี้จะต้องผ่าตัดบริเวณใต้ราวนม เพื่อเอากระดูกซี่โครงอ่อนขนาด 2-5 cm ออกมา 1-2 ซี่ โดยวิธีนี้จะมีแผลบริเวณใต้ราวนม ทั้งยังใช้เวลาผ่าตัดนาน ทำให้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่มีความชำนาญ และมีประสบการณ์สูง

เทคนิคการศัลยกรรมจมูก

ผ่าตัดแบบปิด (Closed Rhinoplasty)

การผ่าตัดเสริมจมูกด้วย วิธีการผ่าตัดแบบปิด ถือเป็นการผ่าตัดที่ได้รับความนิยม เนื่องจากใช้เวลาไว และยังเป็นผ่าตัดเล็ก ๆ โดยแพทย์จะทำการกรีดบริเวณใต้จมูก เพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไป วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 60-90 นาที เหมาะสำหรับคนที่ปัญหาจมูกไม่ซับซ้อน หรือต้องการเสริมจมูกครั้งแรก

ข้อดี

  • เป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องวางยาสลบ ทำให้เวลาพักฟื้นน้อย
  • แผลถูกซ่อนในรูจมูก ทำให้มองไม่เห็นรอยแผล และไม่มีรอยแผลเป็น
  • ใช้เวลาน้อย และนิยมใช้กับวัสดุเสริมจมูกซิลิโคนสำเร็จรูป ที่ทำให้จมูกโด่งทันที
  • ราคาถูก

ข้อเสีย

  • การผ่าตัดแบบปิด ไม่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกที่มีความซับซ้อนได้ เช่น จมูกสั้นเชิด จมูกงุ้มมาก
  • คนที่มีเนื้อจมูกน้อย จะไม่สามารถทำให้จมูกโด่งมากได้
  • ไม่สามารถช่วยลดความกว้างของปีกจมูก หรือทำให้ฐานจมูกแคบลงได้
  • อาจจะมีความเสี่ยงจมูกทะลุ เบี้ยว หรือแกนเอียง เมื่อเวลาผ่านไป

ผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty)

การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกแบบเปิด ถือเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างใหญ่ โดยจะทำร่วมกับยาสลบ โดยแพทย์จะกรีดแผลและทำการถลกจมูก เพื่อปรับโครงสร้างของกระดูกอ่อนจมูกให้ได้ตามที่ต้องการ วิธีการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด จะสามารถช่วยแก้ปัญหาจมูกที่มีความซับซ้อนได้  ทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับวัสดุเสริมจมูกทั้งซิลิโคน และกระดูกอ่อนหรือเนื้อเยื่อได้ โดยส่วนมาจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง และอาจจะมีรอยแผลที่บริเวณด้านนอกแกนจมูก

ข้อดี

  • การผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิดสามารถเข้าได้กับวัสดุเสริมจมูกทุกแบบ
  • การผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาจมูกได้แบบละเอียด และยังได้ความธรรมชาติสูง
  • สามารถตกแต่งปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนกลางจมูก ให้มีลักษณะที่เราต้องการได้ โดยไม่ต้องใช้ซิลิโคน
  • ช่วยลดความเสี่ยงจมูกเบี้ยว ปลายจมูกทะลุ หรือพังผืดได้ในอนาคต

ข้อเสีย

  • การผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิดจะมีการกรีดบริเวณใต้จมูก ทำให้เกิดรอยแผลภายนอกได้ ทั้งนี้หากใครเลือกใช้กระดูกอ่อน เช่น ใบหู, ใต้ราวนม, ก้นกบ ในการเสริม อาจจะทำให้เกิดแผลส่วนอื่นด้วย
  • การผ่าตัดเทคนิคนี้ เป็นการผ่าตัดที่ต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์สูง เพราะเป็นการผ่าตัดที่ละเอียด
  • ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า ทั้งยังต้องใช้ยาสลบร่วมกับการผ่าตัด และมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

ขั้นตอนการเสริมจมูก

การผ่าตัดแต่ละประเภทจะมีการเลือกใช้ยาชา หรือยาสลบ ที่แตกต่างกัน โดยจะขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน โดยส่วนมากหากเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน เช่นการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด หรือการผ่าตัดที่ใช้วัสดุเสริมจมูกเป็นกระดูกอ่อน หรือเนื้อเยื่อ แพทย์จะพิจารณาใช้ยาสลบ หรือยาสลบร่วมกับยากล่อมประสาท โดยการวางยาสลบจะต้องมีวิสัญญีแพทย์ แต่หากเป็นการผ่าตัดแบบปิดแพทย์จะพิจารณาใช้ยาชาเฉพาะจุด

เลือกทรงจมูกอย่างไร ? ให้เหมาะกับใบหน้า

สิ่งที่สำคัญอย่างมากในการเสริมจมูก คือ การเลือกทรงจมูกให้เข้ากับใบหน้า นอกจากจะเลือกทรงจมูกที่เราชอบแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแลก่อนผ่าตัด เพื่อประเมินจมูกของเราว่าสามารถทำได้หรือไม่ หรือจะมีผลข้างเคียงอย่างไร ซึ่งวิธีการเลือกทรงจมูกให้เข้ากับใบหน้า มีดังนี้

ทรงจมูกควรรับกับหน้าผาก

คนที่มีหน้าผากสูง หรือมีหน้าผากที่นูน สามารถเสริมจมูกให้สูง เพื่อรับกับหน้าผากได้

ทรงจมูกควรรับกับโครงหน้าด้านกว้าง

คนที่มีโหนกแก้มใหญ่ หรือสูง ไม่แนะนำให้เสริมจมูกที่โด่งมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ไม่รับรูปหน้าในด้านกว้าง ทำให้หน้าดูไม่สมดุล

ทรงจมูกควรรับความยาวของใบหน้า

ใบหน้าของเราสามารถแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ ไรผม-สันจมูก/ สันจมูก-ปลายจมูก/ ปลายจมูก-คาง โดยทั้ง 3 ส่วนนี้ควรมีความยาวที่สมดุลกัน สำหรับใครที่อยากจะเสริมจมูกต้อง

คำนึงถึงความสมดุลของความยาวใบหน้า เช่น หากมีคางที่ยาว ก็ควรเสริมจมูกให้มีความยาวที่รับกัน หรือสำหรับใครที่มีใบหน้ากลม หรือสั้น ก็อาจจะไม่เหมาะสำหรับจมูกทรงหยดน้ำ

ใครที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมจมูก

อีกหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อทำศัลยกรรม เสริมจมูก คือ ความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการผ่าตัดทุกชนิดนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงกับตัวคนไข้ จึงจำเป็นอย่างมากที่คนไข้จะต้องแจ้งและขอคำแนะนำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการผ่าตัดทุกครั้ง

เตรียมตัวก่อนการศัลยกรรมจมูก

  • งดใช้ยารักษาสิวชนิดที่มีส่วนผสมของวิตามิน A เพราะอาจมีผลต่อการหายของแผล
  • งดการทำฟิลเลอร์ / เลเซอร์ / ร้อยไหม บริเวณจมูก
  • เตรียมความพร้อมของร่างกาย ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 4 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงที่ใกล้ หรือ กำลังมีประจำเดือน
  • งดยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ ยาละลายลิ่มเลือด เช่น Aspirin, Coumadin, Ticlid, Plavix or Aggrenox. ยาแก้ปวดประเภท Nsaids ยาระงับประสาท ยานอนหลับบางชนิด เช่น Zoloft, Lexapro, Prozac, Pristiq เป็นต้น
  • งด วิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ที่อาจมีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่น Multivitamins, Fish oil, Omega3, Co-enzyme Q10, เป็นต้น

วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก

  • หลังผ่าตัด 72 ชั่วโมง ให้ประคบเย็นบริเวณรอบ ๆ ใบหน้า โดยไม่ให้โดนแผลโดยตรง เพื่อช่วยให้เลือดหยุดไหล และแผลยุบไว
  • หลัง 72 ชั่วโมง แผลผ่าตัดจะค่อย ๆ แห้งสนิท จากนั้นสามารถประคบอุ่นบริเวณรอบ ๆ แผล เพื่อลดรอยช้ำ ม่วง เขียว ได้
  • หลังผ่าตัดภายใน 48 ชม. หากพบว่ามีเลือดไหลออกมา ให้ใช้ก้านไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือ แล้วค่อย ๆ เช็ดบริเวณนั้นออกเบา ๆ
  • ใน 1 สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่มีฝุ่นหรือเสี่ยงต่อการตาม เพื่อป้องกันอาการจามหรือไอ
  • ควรรับประทานอาหารอ่อน งดอาหารแข็งที่ต้องขบเคี้ยว
  • หลังจากผ่าตัดเสริมจมูกเลี่ยงเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำประมาณ 3 วัน หลังจากนั้นจึงสามารถล้างหน้าได้ปกติ
  • ในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพราะอาจจะทำให้แผลสมานกันไม่ดี
  • ห้ามแคะ แกะ เกา หรือขยี้บริเวณจมูก และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงหนัก เพราะอาจจะทำให้เนื้อจมูกที่ยังไม่แข็งแรง อักเสบ หรือระคายเคืองได้
  • หลังผ่าตัดในช่วงแรกควรนอนศีรษะสูง เพื่อให้เลือดไม่คั่งในโพรงจมูก และสามารถนอนตะแคงได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
  • สังเกตอาการของตัวเอง หากอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์

ผลข้างเคียงจากการทำศัลยกรรมจมูก

  • รอยแผลเป็น เป็นสิ่งหลาย ๆ คนต่างกังวล แต่หากไม่มีประวัติแผลเป็นประเภทคีลอยด์ ก็จะไม่ทำให้เกิดแผลเป็นที่เด่นชัด ทั้งนี้การเสริมจมูกแพทย์จะพยายามซ่อนแผลไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมและไม่มองเห็นได้ง่าย ๆ แต่หากกังวลเรื่องแผลเป็นอาจจะทาครีมบำรุงผิว หรือครีมลดแผลเป็นได้
  • หากได้ผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกับที่ต้องการ เช่น ปลายจมูกเชิดเกินไป หรือเกินการเอียงของซิลิโคน หรือทรงจมูกที่ทำอาจจะโด่งเกินไป ดังนั้นการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนผ่าตัดเสริมจมูกจึงสำคัญมาก เพราะแพทย์จะช่วยให้คำปรึกษา คำแนะนำ และปรับแก้จมูกของเราให้เข้ากับรูปหน้า ผลลัพธ์ตรง และทำให้มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
  • ผลข้างเคียงหลังผ่าตัดอื่น ๆ ได้แก่ การหายของแผล อาการชา ภาวะเลือดออก เลือดคั่ง การติดเชื้อ การเบี้ยวเอียง ทะลุ ผิวหนังขาดเลือดมาเลี้ยง มักจะพบในผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น จำเป็นต้องดูแลและควบคุมการผ่าตัดให้ดี

ทรงจมูกยอดนิยม

  • จมูกทรงหยดน้ำ ถือเป็นทรงจมูกที่ได้รับความนิยมสูง โดยจะเสริมปลายจมูกให้ยาวขึ้น และมีปลายจมูกที่คล้อยลงมาคล้ายกับหยดน้ำ จมูกทรงนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อจมูก
  • จมูกทรงสโลปปลายพุ่ง จะช่วยเพิ่มความคม และทำให้ใบหน้าดูเด็กลง เป็นอีกหนึ่งทรงจมูกที่ได้รับความนิยมสูง โดยจะเริ่มเสริมจมูกให้เป็นสโลปมาตั้งแต่บริเวณหัวตาจนถึงกลางจมูก และทำปลายให้เชิดขึ้น
  • จมูกทรงสโลปปลายหยดน้ำ สำหรับใครที่ไม่มีปลายจมูก ทรงนี้ตอบโจทย์อย่างมาก โดยจะทำการเสริมจมูกสโลปตั้งแต่หัวตาจนถึงกลางจมูก จากนั้นจะกดปลายลงให้เป็นทรงหยดน้ำ เพื่อให้จมูกดูยาวขึ้น ทำให้ใบหน้าดูละมุน และดูหวานขึ้น
  • จมูกทรงบาร์บี้ไลน์ ถือเป็นทรงที่มาแรงมากในเกาหลี เพิ่มความละมุนให้จมูกมากขึ้น โดยจะมีสันจมูกยกสูงขึ้น และบีบตรงปลายจมูกให้เล็กลง ทำให้ใบหน้าดูหวาน และดูน่ารักขึ้น
  • ทรงจมูกสันสูง ปลายเชิด สำหรับสาว ๆ ที่มีเนื้อน้อย หรือไม่มีดั้งนั้น จมูกทรงนี้จะช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับใบหน้าได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งได้อีกด้วย